วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ท่วมอย่างมีสติ


น้ำนองใจท่วมล้น           ชลธาร         
ดั่งพสุธาร้าวราน                        แหลกแล้ว
ดำดิ่งสู่บาดาล                           มืดหม่น    หมองมัว
จะดีชั่วคลาดแคล้ว                     แต่ล้วนตนกระทำ ๚๛

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

หัวแตงโม: หัวเปลี่ยนไปใจเปลี่ยนแปลง


ภาพจาก http://www.ubook.msu.ac.th/ecommerce/search_product.php?prod_id=7005000051451

                  เรื่องราวความเป็นประโยชน์ต่างๆนั้นถูกซุกซ่อนไว้ทั่วทุกที่และทุกหนทุกแห่ง การมองสิ่งต่างๆอย่างทะลุปรุโปร่งนั้นจะนำมาซึ่งผลดีนานับไม่ถ้วน ที่ผมต้องจั่วหัวขึ้นมาอย่างนี้เพราะคนไม่น้องที่มองโลกอย่างแคบเพียงด้าน สองด้าน หรือสามด้าน ซึ่งนั่นไม่ได้เพียงพอต่อความเป็นจริงในทุกวันนี้ที่คนต่างแข่งขัน แย่งชิงผลประโยชน์ ใฝ่หาอิสรภาพ ฯลฯ เพื่อสิ่งที่ทุกๆคนต้องการเหมือนกัน คือ ความสุข

                ในสังคมนั้นประกอบด้วยคนมากมายหลายกลุ่ม ผมเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าคนกลุ่มที่คิดว่าการ์ตูนนั้นเป็นสิ่งที่ไร้สาระย่อมดำรงอยู่บนโลกอย่างแม่นมั่น การมองหาสาระในสิ่งใดไม่ได้เลยนั้นเป็นเพราะตัวเองนั้นไม่ใฝ่ในสาระต่างหา ผมเคยได้อ่านพบประโยคหนึ่งในหนังสือการ์ตูนเรื่องมีดที่ 13 เล่มที่เท่าไหร่นั้นจำไม่ได้เขียนว่า “ผู้ที่มองว่าการ์ตูนเป็นสิ่งไร้สาระ จิตรใจผู้นั้นคงหยาบกระด้างเกินกว่าจินตนาการจะเข้าถึง” แม้จะดูขัดแย้งในประโยคระหว่างความรู้ คือ สาระ มาเทียบกับความสุนทรีย์ คือ จินตนาการ แต่มันก็เป็นประโยคที่เข้าท่าทีเดียว เพราะถ้าตีความให้ลึกลงไปจะพบว่ามันเข้ากันได้ระหว่างความรู้และความสุนทรีย์

                หัวแตงโมคือการ์ตูนเล่มหนึ่งที่ผมอยากนำเสนอ ผมได้ถูกแนะนำมาให้อ่านอีกทีซึ่งเล่มที่ผมได้อ่านั้นเป็นเล่มที่ 2 ชื่อ หัวเปลี่ยนไปใจเปลี่ยนแปลง ซึ่งจริงๆแล้วเปิดดูครั้งแรกก็เฉยๆและมึนงงกับการอ่านลายมือที่เขียนเป็นคำพูดนิดหน่อยแต่มันก็ทำให้ได้รสชาติดีเพราะมันเข้าเป็นอย่างดีกับภาพที่ค่อนข้างจะเผยโครงสร้าง ผลงานนี้ผมเข้าใจว่าผู้เขียนนั้นต้องการนำเสนอเนื้อเรื่องที่สะท้อนแนวคิดมากกว่าลายเส้น แนวคิดที่แปลกต่างออกไปอ่านแล้วทำให้เปิดหัวที่กว้างขึ้นอีก ซึ่งผมว่าเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้เป็นยารักษาโรคมองมุมแคบ 

                ผมว่าแค่อ่านเจอเชื่อเรื่องที่ว่าคมแล้วแต่ไม่เท่าชื่อสำนักพิมพ์ที่ผมว่ามันลึกซึ้งทีเดียว บางครั้งอาจถูกมองว่าไม่ได้คิดอะไรมากแต่สิ่งที่สะท้อนออกมาจากชื่อสำนักพิมพ์ เป็ดเต่าควาย นั้นแสดงให้เห็นเป็นอย่างดีถึงความแตกต่างและกล้าที่จะนำเสนอมุมมองเหล่านั้นออกมา

                สังคมนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปลุกปั่นทางด้านความคิดและความกล้าที่จะนำเสนอมันขึ้นมา โดยเฉพาะในด้านดนตรีไทยที่หลายครั้งเกือบตายเพราะถูกจารีตบีบคอ สิ่งที่กล่าวมานั้นไม่ได้จะให้แหกคอกอย่างไร้หลักแต่ควรแยกแยะให้ออกระหว่างของเดิมจากอดีตและการเคลื่อนที่ของสิ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ซึ่งจะต้องดำเนินอยู่ทามกลางความเปลี่ยนแปลงในตัวเองและสิ่งรอบข้าง หนทางนั้นอยู่ที่การปรับแนวคิดและทัศนคติ การเปิดรับแนวคิดใหม่ๆไม่ใช่การทำลายของเก่าแต่มันเป็นสิ่งที่เป็นไป นี่คือสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับในทางแนวคิดจากหัวแตงโมสู่การดนตรีไทย

                การนำเสนอแนวคิดที่ต่างมุมมองออกไปสามารถนำมาใช้ได้นานารูปแบบแล้วแต่ปัญญาของแต่ละคนว่าจะสามารถดึงออกมาและเอามาใช้ได้ขนาดไหน ผมมองว่าเรื่องแนวคิดและทัศนคตินั้นเป็นเรื่องสำคัญสำหรับวงการดนตรีไม่แพ้เรื่องฝีมือจึงอยากแนะนำให้ลองเปิดหัวอ่าน หัวแตงโมเพื่อเพิ่มพูนโลกทัศให้รอบด้านยิ่งขึ้น บางทีหัวคุณอาจกลายเป็นแตงโมไปเลยหรือซาบซึ้งในในชื่อสำนักพิมพ์ เป็ดเต่าควาย ก็ได้  

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สายน้ำ สงขลา ของดีเมืองหาดใหญ่ กาเมลัน

ได้ฟังข่าวเรื่องน้ำท่วมแล้วก็ใจหายรู้สึกว่ามันรุ่นแรงกว่าครั้งใดๆที่จำได้ ถึงแม้ว่าตัวผมมาได้อยู่ในพื้นที่ประสบภัยในตอนนี้แต่ทรัพย์สินหลายอย่างอยู่ร่วมทุกข์ ณ ศาลายา กับความลุ้นระทึกในความไม่แน่นอนของสายน้ำ ยังไงก็แล้วแต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ร่วมชะตากรรมทุกๆท่านให้สู้กันต่อไป

ตัวผมในเวลานี้เดินทางมาที่จังหวัดส่งขลาจุดประสงค์หลักนั้นไม่มีมีแต่จุดประส่งแอบแฝงทั้งสิ้น การได้พักผ่อนก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งย่อยพร้อมกับมาเก็บข้อมูลเรื่อยๆเปื่อยๆอย่างไร้ทิศทาง การเดินทางมาจากพังงานั้นก็แสนจะนาน 5 ชั่วโมงที่นั่งอยู่ในรถนั้นนอนไม่หลับและเต็มไปด้วยความฝุ้งซ่านไปอนาคตบ้างย้อนไปอดีตบ้างตามเรื่องตามราว ครั้งคราวมาถึงหาดใหญ่ก็ตั้งฐานปฏิบัติการเสียที่นี่เลย โดยอาศัยร่มชายคาบ้านรุ่นพี่ซึ่งต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ยามย่ำค่ำมานัดรับทานมื้อค่ำกับอากีก็เสวนาตามประสาและขอเข้าไปศึกษาเครื่องดนตรีกาเมลันในสถานกงศุลประจำจังหวัดสงขลา ก็ได้ความว่าช่วยเหลื่อจากรุ่นน้องที่ได้เข้าไปเรียนดนตรีกาเมลันในสถานกงศุลเป็นคนประสานงานให้อีกทีส่วนอากีก็ช่วยเรื่องเอกสารและรถ

เช้ามาฝนตกค่อนข้างหนักครั้งจะแว้นจากหาดใหญ่ไปสงขลาก็กระไรอยู่ โชดดีมีรถแม่ของรุ่นพี่ที่พักอยู่ด้วยเดินทางเข้าเมืองพอดี ระหว่างทางได้พบเห็นการขายอะไรบางอย่างตามริมทางซึ่งถ้าเดินทางไปตามต่างจังหวัดก็จะมีของดีขึ้นชื่อในแต่ละที่ตั้งขายอยู่ ร้านเหล่านี้ขายน้ำสีเหลืองซึ่งผมเข้าใจไปเองว่ามันเป็นน้ำเก๊กฮวย เราพบร้านเหล่านี้ได้ทั่วไปตั้งขายตามริมทางทั้งในเมืองหาดใหญ่เองและระหว่างทางไปสงขลา แต่เมื่อมาทราบความจากพี่ตูน (พี่ที่ผมมาพักด้วยนั้นแหละ) ทำให้รู้ว่าการคิดไปเองนั้นทำให้ข้อมูลผิดพลาดไปขนัดและไม่พึงปฏิบัติอย่างแรง ความที่ได้มาคือร้านเหล่านั้นขายของดีเมืองหาดใหญ่จริงๆครับ แต่ที่มันพิเศษกว่านั้นก็คือมันไม่ใช้น้ำเก๊กฮวยแต่มันคือน้ำมันสำหรับเติมรถซึ่งนำเข้ามาจากมาเลเซีย เด็ดไปกว่านั้นแต่ละร้านราคาไม่เท่ากันและถูกกว่าราคาน้ำมันในปั้มอยู่หลายบาท (ราคาประมาณลิตรละ 30 บาท) แสดงว่าคนที่นี่ได้เติมน้ำมันที่ถูกที่สุดในประเทศนี่แหละของดีเมืองหาดใหญ่

เมื่อมาถึงตัวเมืองสงขลาทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมเสร็จสรรพพร้อมลุยเข้าไปแล้ว ผมพกพาความตื่นเต้นไปเต็มอัตตราเพราะไม่เคยได้สัมผัสกับเครื่องดนตรีกามลันเลย เมื่อมาถึงสถานกงสุลเตรียมคนไว้พร้อมหมดแล้วแต่เขาบอกว่า “เครื่องยังไม่ได้จัดนะครับเพราะเพิ่งไปงานมา” ด้วยความที่ต้องการพบเจอจึงเป็นแรงผลักดันให้เกิดจิตรอาสาขึ้นมาในบัดดลตกปากบอกไปว่า “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวช่วยจัดเครื่องให้” แล้วเขาก็พาเดินขึ้นไปที่ห้องเก็บเครื่องดนตรีที่อยู่ชั้นสองของตึกพร้อมกับเปิดม่านที่ปิดเครื่องดนตรีเอาไว้ออก ภาพแรกที่เห็นถึงกับตะลึงเลยเพราะมีเครื่องดนตรีโลหะที่กระจัดกระจายกองรวมกันอยู่กว่า 50 ชิ้นและแต่ละชิ้นก็ประกอบไปด้วยลูกฆ้องขนาดต่างๆตั้งแต่เท่าโหม่งใบเล็กไปยันฆ้องชัยใบใหญ่ๆที่ไว้ตามวัดเลยที่เดียว การจัดวงนั้นปาเข้าไปชั่วโมงกว่าๆจึงเสร็จเป็นรูปวง แต่ก็ต้องปรับเปลี่ยนจากแปลนบ้างเพราะพื้นที่ในห้องนั้นไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่หยิบแปลนมาพร้อมอิธิบายเป็นภาษาอินโดปนอังกฤษและไทยอีกนิดๆ สื่อสารกันยากพอดูเลย


การได้ช่วยจัดวงนั้นทำให้ผมซาบซึ้งถึงคำว่า “กาเมลันอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งไม่สามารถลอกเลียนแบบได้” ขึ้นมาทันที่นอกจากจำนวนที่มากและความหนักของเครื่องดนตรีแล้วสิ่งที่ทำให้การตั้งวงลำบากอีกอย่างคือการวางระบบเสียง ซึ่งในแต่ละเครื่องนั้นจะประกอบไปด้วยเครื่องที่ตั้งเป็นสเล็นโดรและเปล็อก ความยากอยู่ตรงที่การแยกลูกฆ้องที่ปะปนกันนี่แหละ

ในที่สุดก็ได้ข้อมูลมามากพอควรทีเดียวจากการได้ไปสัมผัสครั้งนี้ ทั้งเรื่องเครื่องดนตรี ระบบเสียง แบบว่าเต็มอิ่มจริงๆประทับใจกับความเป็นกันเองของเจ้าหน้าที่ในสถารกงศุลมากครับ