ได้ฟังข่าวเรื่องน้ำท่วมแล้วก็ใจหายรู้สึกว่ามันรุ่นแรงกว่าครั้งใดๆที่จำได้ ถึงแม้ว่าตัวผมมาได้อยู่ในพื้นที่ประสบภัยในตอนนี้แต่ทรัพย์สินหลายอย่างอยู่ร่วมทุกข์ ณ ศาลายา กับความลุ้นระทึกในความไม่แน่นอนของสายน้ำ ยังไงก็แล้วแต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ร่วมชะตากรรมทุกๆท่านให้สู้กันต่อไป
ตัวผมในเวลานี้เดินทางมาที่จังหวัดส่งขลาจุดประสงค์หลักนั้นไม่มีมีแต่จุดประส่งแอบแฝงทั้งสิ้น การได้พักผ่อนก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งย่อยพร้อมกับมาเก็บข้อมูลเรื่อยๆเปื่อยๆอย่างไร้ทิศทาง การเดินทางมาจากพังงานั้นก็แสนจะนาน 5 ชั่วโมงที่นั่งอยู่ในรถนั้นนอนไม่หลับและเต็มไปด้วยความฝุ้งซ่านไปอนาคตบ้างย้อนไปอดีตบ้างตามเรื่องตามราว ครั้งคราวมาถึงหาดใหญ่ก็ตั้งฐานปฏิบัติการเสียที่นี่เลย โดยอาศัยร่มชายคาบ้านรุ่นพี่ซึ่งต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ยามย่ำค่ำมานัดรับทานมื้อค่ำกับอากีก็เสวนาตามประสาและขอเข้าไปศึกษาเครื่องดนตรีกาเมลันในสถานกงศุลประจำจังหวัดสงขลา ก็ได้ความว่าช่วยเหลื่อจากรุ่นน้องที่ได้เข้าไปเรียนดนตรีกาเมลันในสถานกงศุลเป็นคนประสานงานให้อีกทีส่วนอากีก็ช่วยเรื่องเอกสารและรถ
เช้ามาฝนตกค่อนข้างหนักครั้งจะแว้นจากหาดใหญ่ไปสงขลาก็กระไรอยู่ โชดดีมีรถแม่ของรุ่นพี่ที่พักอยู่ด้วยเดินทางเข้าเมืองพอดี ระหว่างทางได้พบเห็นการขายอะไรบางอย่างตามริมทางซึ่งถ้าเดินทางไปตามต่างจังหวัดก็จะมีของดีขึ้นชื่อในแต่ละที่ตั้งขายอยู่ ร้านเหล่านี้ขายน้ำสีเหลืองซึ่งผมเข้าใจไปเองว่ามันเป็นน้ำเก๊กฮวย เราพบร้านเหล่านี้ได้ทั่วไปตั้งขายตามริมทางทั้งในเมืองหาดใหญ่เองและระหว่างทางไปสงขลา แต่เมื่อมาทราบความจากพี่ตูน (พี่ที่ผมมาพักด้วยนั้นแหละ) ทำให้รู้ว่าการคิดไปเองนั้นทำให้ข้อมูลผิดพลาดไปขนัดและไม่พึงปฏิบัติอย่างแรง ความที่ได้มาคือร้านเหล่านั้นขายของดีเมืองหาดใหญ่จริงๆครับ แต่ที่มันพิเศษกว่านั้นก็คือมันไม่ใช้น้ำเก๊กฮวยแต่มันคือน้ำมันสำหรับเติมรถซึ่งนำเข้ามาจากมาเลเซีย เด็ดไปกว่านั้นแต่ละร้านราคาไม่เท่ากันและถูกกว่าราคาน้ำมันในปั้มอยู่หลายบาท (ราคาประมาณลิตรละ 30 บาท) แสดงว่าคนที่นี่ได้เติมน้ำมันที่ถูกที่สุดในประเทศนี่แหละของดีเมืองหาดใหญ่
เมื่อมาถึงตัวเมืองสงขลาทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมเสร็จสรรพพร้อมลุยเข้าไปแล้ว ผมพกพาความตื่นเต้นไปเต็มอัตตราเพราะไม่เคยได้สัมผัสกับเครื่องดนตรีกามลันเลย เมื่อมาถึงสถานกงสุลเตรียมคนไว้พร้อมหมดแล้วแต่เขาบอกว่า “เครื่องยังไม่ได้จัดนะครับเพราะเพิ่งไปงานมา” ด้วยความที่ต้องการพบเจอจึงเป็นแรงผลักดันให้เกิดจิตรอาสาขึ้นมาในบัดดลตกปากบอกไปว่า “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวช่วยจัดเครื่องให้” แล้วเขาก็พาเดินขึ้นไปที่ห้องเก็บเครื่องดนตรีที่อยู่ชั้นสองของตึกพร้อมกับเปิดม่านที่ปิดเครื่องดนตรีเอาไว้ออก ภาพแรกที่เห็นถึงกับตะลึงเลยเพราะมีเครื่องดนตรีโลหะที่กระจัดกระจายกองรวมกันอยู่กว่า 50 ชิ้นและแต่ละชิ้นก็ประกอบไปด้วยลูกฆ้องขนาดต่างๆตั้งแต่เท่าโหม่งใบเล็กไปยันฆ้องชัยใบใหญ่ๆที่ไว้ตามวัดเลยที่เดียว การจัดวงนั้นปาเข้าไปชั่วโมงกว่าๆจึงเสร็จเป็นรูปวง แต่ก็ต้องปรับเปลี่ยนจากแปลนบ้างเพราะพื้นที่ในห้องนั้นไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่หยิบแปลนมาพร้อมอิธิบายเป็นภาษาอินโดปนอังกฤษและไทยอีกนิดๆ สื่อสารกันยากพอดูเลย
การได้ช่วยจัดวงนั้นทำให้ผมซาบซึ้งถึงคำว่า “กาเมลันอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งไม่สามารถลอกเลียนแบบได้” ขึ้นมาทันที่นอกจากจำนวนที่มากและความหนักของเครื่องดนตรีแล้วสิ่งที่ทำให้การตั้งวงลำบากอีกอย่างคือการวางระบบเสียง ซึ่งในแต่ละเครื่องนั้นจะประกอบไปด้วยเครื่องที่ตั้งเป็นสเล็นโดรและเปล็อก ความยากอยู่ตรงที่การแยกลูกฆ้องที่ปะปนกันนี่แหละ
ในที่สุดก็ได้ข้อมูลมามากพอควรทีเดียวจากการได้ไปสัมผัสครั้งนี้ ทั้งเรื่องเครื่องดนตรี ระบบเสียง แบบว่าเต็มอิ่มจริงๆประทับใจกับความเป็นกันเองของเจ้าหน้าที่ในสถารกงศุลมากครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น